หมายเหตุ: ผู้อ่านต้องทำความเข้าใจกับเนื้อหาฉบับเต็มของ กปภ.04-2558 และมาตรฐานอื่นๆตามการร้องขอของแต่ละงาน ก่อนที่จะนำข้อมูลด้านล่างไปใช้
- มาตรฐานระบบการต่อลงดิน (Ground Systems)
การต่อลงดินมีวัตถุประสงค์ที่สำคัญด้านความปลอดภัยของผู้ใช้งาน ด้านประสิทธิผล คุณภาพการทำงานของระบบไฟฟ้าและระบบป้องกันต่างๆ รวมถึงการป้องกันผลกระทบจากปรากฎการณ์ฟ้าผ่า โดย แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ดังนี้
(1) การต่อลงดินสำหรับระบบไฟฟ้า (System Grounding)
(2) การต่อลงดินสำหรับบริภัณฑ์ (Equipment Grounding)
(3) การต่อลงดินสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ (Electronic&Computer Grounding)
(4) การต่อลงดินสำหรับระบบป้องกันฟ้าผ่า (Lightning Protection Grounding)
ผู้รับจ้างจะต้องจัดหา ติดตั้ง และทดสอบ การต่อลงดินของระบบทั้ง 4 ที่กล่างไว้ข้างต้น ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ได้อ้างอิงและสามารถทำงานครอบคลุมมีประสิทธิภาพและตรงตามวัตถุประสงค์ ที่ระบุในแบบและข้อกําหนด
1.1 มาตรฐานอ้างอิง
อุปกรณ์และการติดตั้งของระบบการต่อลงดินจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานดังต่อไปนี้
(1) UL Standard for Safety for Grounding and Bonding Equipment, UL 467
(2) มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย ฉบับปี ล่าสุด (EIT Standard)
*หมายเหตุ
– National Electrical Code (NEC), Article 250 Grounding and Bonding ระบบการต่อลงดินของงานไฟฟ้าเพิ่มเติม
– ANSI/TIA/EIA-607 Grounding and Bonding Requirements for Telecommunications ระบบการต่อลงดินของงานสื่อสารเพิ่มเติม
1.2 มาตรฐานอุปกรณ์
อุปกรณ์ในระบบการต่อลงดินของงานไฟฟ้า งานสื่อสารและป้องกันฟ้าผ่าที่ใช้ในโครงการ จะต้องผ่านการทดสอบตามมาตรฐานสากล เช่น
– IEC 62561
– UL 467
– UL 486
– IEEE 837
1.3 ความต้องการทั่วไป
ระบบการต่อลงดิน ประกอบด้วยอุปกรณ์ที่สำคัญดังนี้
(1) หลักดิน (Ground Rod)
(2) ตัวนําสำหรับต่อลงดินหรือสายดิน (Grounding Conductor)
1.3.1 มาตรฐานหลักดินและสิ่งที่ใช้แทนหลักดิน
1.3.1.1 หลักดินชนิดแท่งเหล็กชุบด้วยทองแดง (Copper-Bond Steel) หรือแท่ง ทองแดง (Solid Coper)
ต้องมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 5/8 นิ้ว (แท่งหลักดินขนาด 5/8 นิ้ว หมายถึงขนาด โดยประมาณ 0.560 นิ้ว หรือ 14.20 มิลลิเมตร) ยาวไม่น้อยกว่า 2.40 เมตร หรือตามที่กำหนดในแบบ โดยมี คุณสมบัติ ดังนี้
1.3.1.2 เหล็กที่ใช้เป็นแกนให้ทำจาก Low Carbon Steel ที่มี Tensile Strength ขนาดไม่น้อยกว่า 600 นิวตันต่อตารางมิลลิเมตร
1.3.1.3 ทองแดงที่ใช้หุ้มมีความบริสุทธิ์ 99.9% และหุ้มอย่างแนบสนิทแบบ Molecularly Bonding หรือ Electro plating กับแกนเหล็ก ความหนาของทองแดงที่หุ้มที่จุดใดๆ ต้องไม่น้อย กว่า 0.25 มิลลิเมตร
1.3.1.4 ต้องผ่านการทดสอบการยึดแน่นและความคงทนของทองแดงที่หุ้มด้วยวิธี Jacket Adherence Test และ Bending Test ตามมาตรฐาน UL 467 และได้รับใบรับรองคุณภาพ UL Listed
1.3.1.5 หลักดินชนิดใช้อาคารที่เป็นโครงโลหะและมีการต่อลงดินอย่างถูกต้อง โดยจะต้องมีค่าความต้านทานของการต่อลงดินไม่เกิน 5 โอห์ม
1.3.1.6 ห้ามใช้วัสดุที่ทำด้วยอะลูมิเนียมหรือโลหะผสมของอะลูมิเนียมเป็นหลักดินหรือสิ่งที่ใช้แทนหลักดิน
1.3.1.7 หลักดินชนิดอื่นๆ ต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ควบคุมงานและผู้ออกแบบก่อนนำมาใช้งาน
1.3.1.8 การปักหลักสายดินต้องให้แต่ละหลักห่างจากหลักข้างเคียงสองหลักมีระยะห่างไม่น้อยกว่า 3 เมตร เท่าๆโดยหลักสายดินนี้ให้เชื่อมต่อถึงกันด้วยสายตัวนําแกนเหล็กหุ้มด้วยทองแดง (Copper Clad Steel Wire)
ขนาดพื้นที่หน้าตัดไม่น้อยกว่า 70 ตารางเซนติเมตร หรือตามที่ระบุในแบบโดย วัสดุของสายตัวนําเป็นไปตามมาตรฐาน ASTM B910/B910M และการเชื่อมทั้งหมดให้ใช้วิธี Exothermic Weldingโดยผงเชื่อมต้องผ่านการทดสอบคุณสมบัติตามมาตรฐาน UL 467 และได้รับใบรับรองคุณภาพ UL Listed
1.3.1.9 หลักสายดินในระบบต่อไปนี้ให้แยกจากกันคือ ระบบไฟฟ้า ระบบป้องกันฟ้าผ่าและระบบสื่อสาร และมีการต่อเชื่อมถึงกันเฉพาะที่ชั้น Ground เท่านั้น
1.3.2 มาตรฐานตัวนําสำหรับต่อลงดินหรือสายดิน
(1) สายต่อหลักดินสำหรับระบบไฟฟ้า (System Grounding) สายต่อหลักดินต้องเป็น ตัวนําทองแดงเท่านั้น เป็นชนิดตัวนําเดี่ยวหรือตัวนําตีเกลียวหุ้มฉนวน และต้อง เป็นตัวนําเส้นเดียวยาวตลอดไม่มีการต่อ ขนาดของสายดินนี้ให้ขึ้นอยู่กับขนาด ของตัวนําประธานของระบบไฟฟ้านั้นตามตารางที่ 1 การต่อลงดิน
(อ้างอิง มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2556)
ตารางที่ 1 ขนาดสายต่อลงดินสำหรับระบบไฟฟ้า (System Ground)
ขนาดตัวนําประธาน (ตัวนําทองแดง) (ตารางมิลลิเมตร) |
ขนาดตํ่าสุดของสายต่อหลักดิน (ตัวนําทองแดง) (ตารางมิลลิเมตร) |
ไม่เกิน 35 |
10 |
เกิน 35 แต่ไม่เกิน 50 |
16 |
เกิน 50 แต่ไม่เกิน 95 |
25 |
เกิน 95 แต่ไม่เกิน 185 |
35 |
เกิน 185 แต่ไม่เกิน 300 |
50 |
เกิน 300 แต่ไม่เกิน 500 |
70 |
เกิน 500 |
95 |
(2) สายต่อหลักดินสำหรับบริภัณฑ์ (Equipment Grounding) สายต่อหลักดินต้อง เป็นตัวนําทองแดงเท่านั้นเป็นชนิดตัวนําเดี่ยวหรือตัวนําตีเกลียวหุ้มฉนวน และต้องเป็นตัวนําเส้นเดียวยาวตลอดไม่มีการต่อ ขนาดของสายดินนี้กำหนดจาก ขนาดเครื่องป้องกันกระแสเกินของแต่ละวงจรตามตารางที่ 2 การต่อลงดิน (อ้างอิง มาตรฐานการติดตั้งทางไฟฟ้าสำหรับประเทศไทย พ.ศ. 2556) แต่ถ้าขนาดสายที่กำหนดจากตารางมีขนาดใหญ่กว่าสายตัวนําของวงจร
ให้ใช้ขนาดสายดินเท่ากับ ขนาดสายตัวนําของวงจรได้
ตารางที่ 2 ขนาดสายต่อหลักดินสำหรับบริภัณฑ์ (Equipment Ground)
พิกัดหรือขนาดปรับตั้งของ เครื่องป้องกันกระแสเกินไม่เกิน (แอมแปร์) |
ขนาดตํ่าสุดของสายดินของบริภัณฑ์ไฟฟ้า (ตัวนําทองแดง) (ตารางมิลลิเมตร) |
20 |
2.5 |
40 |
4 |
70 |
6 |
100 |
10 |
200 |
16 |
400 |
25 |
500 |
35 |
800 |
50 |
1000 |
70 |
1250 |
95 |
2000 |
120 |
2500 |
185 |
4000 |
240 |
6000 |
400 |
(3) สายต่อหลักดินสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์ (Electronic& Computer Grounding) ต้องสอดคล้องกับ มาตรฐาน ANSI/TIA/EIA-607 ขนาด สายต่อหลักดินหากมิได้ระบุในแบบ ให้ใช้สายทองแดงหุ้มฉนวนพีวีซีขนาด พื้นที่หน้าตัดตํ่าสุด 50 ตารางมิลลิเมตร ส่วนสายเชื่อมกับ Ground Bar สำหรับระบบสื่อสารกรณีที่มีห้องระบบสื่อสารหลายๆชั้นให้ใช้พื้นที่หน้าตัดตํ่าสุด 16 ตารางมิลลิเมตร
(4) การเชื่อม (Welding) การเชื่อมต่อโลหะให้มีความต่อเนื่องทางไฟฟ้ามีวิธีการต่างๆ ขึ้นอยู่กับชนิดของโลหะและสภาพของงาน โดยการเชื่อมต่อระหว่างตัวนําทองแดง กับตัวนําทองแดง ตัวนําทองแดงกับตัวนําแกนเหล็กหุ้มด้วยทองแดงตัวนําแกน เหล็กหุ้มด้วยทองแดงกับตัวนําแกนเหล็กหุ้มด้วยทองแดงหรือตัวนําแกนเหล็กหุ้ม ด้วยทองแดงกับเหล็กให้เชื่อมด้วยวิธี Exothermic Welding โดยผงเชื่อมต้องผ่านการทดสอบคุณสมบัติตามมาตรฐาน UL 467 และได้รับใบรับรองคุณภาพ UL Listed
(5) จุดต่อลงดินทุกจุดจะต้องติดตั้งใน Ground Inspection Pit ทำจากคอนกรีตหล่อ ขนาดไม่เล็กกว่า 320 x 320 มิลลิเมตร ลึก 190 มิลลิเมตร มีฝาคอนกรีตปิดพร้อม และต้องผ่านการทดสอบรับแรงกดทับได้ไม่น้อยกว่า 6,000 นิวตัน ติดตั้งเรียบเสมอผิวดิน หากจุดติดตั้งเป็นจุดที่ต้องรับน้ำหนักมากให้ใช้ฝาปิดเป็นฝาเหล็กหล่อ(Cast Iron Cover) และต้องผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน IEC 625